แหล่งการเงินอื่นๆ สำหรับธุรกิจ SMEs
เรียบเรียงโดย ผศ.กิตติภูมิ มีประดิษฐ์
| แหล่งการเงินอื่นๆ สำหรับธุรกิจ SMEs บทนำ การเริ่มต้นทางการเงินของธุรกิจ SMEs มาจากการวางแผนทางการเงินส่วนตัว เจ้าของสถานประกอบการจะเริ่มต้นด้วยแหล่งเงินทุนจากการเก็บออมแล้วพยายามชักชวนครอบครัวและเพื่อนให้มาร่วมลงทุน เมื่อแหล่งเงินทุนเหล่านี้ไม่เพียงพอกับความต้องการ ย่อมก็มักจะหาแหล่งทางการเงินที่เป็นทางการมากขึ้น เช่น ธนาคาร และผู้ลงทุนภายนอก แหล่งการเงิน( Source of financing ) ที่สำคัญของผู้ถือหุ้นก็คือ การเก็บออมส่วนตัว เพื่อน และญาติ ผู้ลงทุนของเอกชนในชุมชน ผู้ลงทุนเริ่มแรก และการขายหุ้น ( Equity markets) แหล่งสำคัญของการจัดหาแหล่งการเงินโดยการก่อหนี้ คือ ส่วนบุคคล ( Individual ) ผู้ขายปัจจัยการผลิตของธุรกิจ ( Business suppliers ) ผู้ให้กู้ยืมโดยใช้สินทรัพย์ค้ำประกัน ( Asset-based lenders ) ธนาคารพาณิชย์ ( Commercial banks ) และแผนงานความช่วยเหลือของรัฐบาล (Government-assisted programs ) ี |
การแสวงหาความช่วยเหลือด้านการเงินมักเริ่มต้นจากที่บ้านก่อนแล้วจึงขยายออกไปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น คือ (1) การเก็บออมส่วนตัว (Personal saving) (2) เพื่อนและญาติ (Friends and relatives) (3) ผู้ลงทุนส่วนบุคคลอื่น ๆ (Other individual investors โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การเก็บออมส่วนตัว ผู้ประกอบการอาจมีสินทรัพย์ส่วนตัวที่จะนำไปลงทุนในธุรกิจซึ่งมาจากการเก็บออม ซึ่งความจริงการเก็บออมส่วนตัวจะเป็นจุดเริ่มต้นของหุ้นในบริษัทใหม่ การลงทุนในธุรกิจใหม่ การดำเนินการในรูปหุ้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความผิดพลาดของผลกำไร
ปัญหาสำหรับคนจำนวนมากที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจแต่ขาดการเก็บออมส่วนตัวคือไม่สามารถตอบคำถามของธนาคารได้ว่าจะใช้เงินลงทุนจำนวนเท่าไร มีหลักประกันอะไรที่จะให้ความปลอดภัยกับเงินกู้ที่ต้องการ เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากซึ่งขาดการออมสำหรับการเริ่มต้นจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ และต้องมีการเสี่ยงซึ่งอาจหมายถึงการหาหุ้นส่วนซึ่งสามารถจัดหาเงินทุน ซึ่งอาจเป็นเพื่อนหรือญาติที่ต้องการจะให้ความช่วยเหลือ
2. เพื่อนและญาติ (Friends and relatives) เงินกู้ยืมจากเพื่อนและญาติอาจเป็นแหล่งที่พอหาได้สำหรับการลงทุนใหม่ ซึ่งเงินกู้ยืมชนิดนี้มักถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว และการจัดหาเงินชนิดนี้จะมีพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์ส่วนตัวมากกว่าการวิเคราะห์งบทางการเงิน อย่างไรก็ตามเพื่อนหรือญาติที่ให้กู้ยืมเงินมาทำธุรกิจ บางครั้งเจ้าของธุรกิจจะรู้สึกว่าผู้ให้กู้เหล่านั้นมีความชอบธรรมที่จะให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการในธุรกิจนั้น ๆ แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจกำลังเผชิญกับปัญหาในกรดำเนินงานอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันตึงเครียดได้ ในกรณีที่ญาติและเพื่อนเป็นแหล่งเงินทุนแหล่งเดียวที่มีอยู่ ผู้ประกอบการก็ไม่มีทางเลือก ดังนั้นเพื่อลดโอกาสที่อาจจะทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหา ผู้ประกอบการควรวางแผนการจ่ายหนี้ชนิดนี้คืนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ตลอดจนจัดทำหนังสือสัญญากลายเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับข้อตกลงต่าง ๆ ไว้ด้วย
3. ผู้ลงทุนส่วนบุคคลอื่น ๆ (Other individual investors) มีบุคคลอื่น ๆ ที่ลงทุนสถานประกอบการ คนเหล่านี้จะมีประสบการณ์ในธุรกิจในระดับปานกลาง แต่จะประกอบอาชีพที่มีรายได้ดี เช่น นักกฎหมาย และแพทย์ แหล่งการเงินนี้ลักษณะเรียกว่า “ เงินทุนอย่างไม่เป็นทางการ ” (Informal capital) ผู้ลงทุนในลักษณะนี้จะได้ชื่อว่า “ Business angles” หมายถึงผู้ลงทุนเอกชนซึ่งลงทุนใหม่ และมีความเสี่ยงในธุรกิจขนาดย่อม แนวทางของผู้ลงทุนอย่างไม่เป็นทางการนี้ (Informal investors) จะทำเป็นสัญญาร่วมมือทางธุรกิจโดยมีนักบัญชี และนักกฎหมาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการสร้างเครือข่ายของผู้ลงทุนชนิดนี้ให้เป็นทางการมากขึ้น ในการลงทุนข้ามประเทศผู้ประกอบการจะต้องนำเสนอเอกสารต่อกลุ่มผู้ลงทุนเอกชน (Private investors) ซึ่งจะติดตามข่าวเกี่ยวกับลงทุนใหม่ ๆ นอกเหนือจากการจัดหาเงินทุนให้แล้ว ผู้ลงทุนเอกชน (Private investors) ยังมักให้ความช่วยเหลือด้านความรู้พื้นฐานในการประกอบการอาชีพให้กับธุรกิจด้วย ถึงแม้ว่าการได้เงินทุนจากผู้ลงทุนเอกชนเหล่านี้จะง่ายกว่าการจะได้เงินทุนที่เป็นทางการ แต่ผู้ลงทุนที่ไม่เป็นทางการ (Informal investors) ก็มักมีอำนาจในความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องใช้ความรอบคอบในการวางโครงสร้างรูปแบบของผู้มีส่วนร่วมในการลงทุน โดยมีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ (1) พยายามเพิ่มผู้ถือหุ้นภายนอกให้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว (2) ทำงานเพื่อแสวงหาเงินทุนที่มีประสิทธิผลมากขึ้น (3) พยายามหาผู้ลงทุนให้มากขึ้นและให้มีผู้ลงทุนที่หลากหลายโดยในแต่ละรายจะลงทุนในสัดส่วนที่น้อย (4) รักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้ลงทุนก่อนการตกลงครั้งสุดท้าย
แหล่งเงินทุนจากผู้ขายปัจจัยการผลิตทางธุรกิจและผู้ให้ยืมสินทรัพย์
แหล่งเงินทุนจากผู้ขายปัจจัยการผลิตทางธุรกิจและผู้ให้ยืมสินทรัพย์บริษัทใหม่อาจมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับแหล่งเงินทุนเริ่มแรกสำหรับสินค้าคงเหลือและอุปกรณ์ ทั้งผู้ค้าและผู้ผลิตและ/หรือผู้จัดหาอุปกรณ์ ซึ่งสามารถจัดหาสินเชื่อทางการค้าหรือเจ้าหนี้การค้า หรือเงินยืมสำหรับอุปกรณ์ ได้แก่
1. สินเชื่อทางการค้า หรือเจ้าหนี้การค้า เป็นการบริหารการเงินโดยขายปัจจัยการผลิต โดยให้สินเชื่อกับบริษัทโดยมีระยะเวลาสำหรับการจ่ายสินเชื่อ สินเชื่อการค้า จะมีระยะเวลาสั้น เช่น 30วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นิยมใช้กัน เมื่อผู้ขายส่งสินค้าไปยังบริษัทผู้ซื้อ ผู้ซื่อจะลงบัญชีเจ้าหนี้ สำหรับจำนวนสินค้าที่ซื่อ จำนวนสินเชื่อทางการค้าจะขึ้นอยู่กับชนิดของธุรกิจ และความมั่นใจของผู้ขายปัจจัยการผลิตที่ให้กับบริษัทที่ซื้อ ธุรกิจขนาดนิยมใช้แหล่งเงินทุนระยะสั้นแบบนี้กันมาก
2. สินเชื่อและการเช่าซื้ออุปกรณ์ สินเชื่ออุปกรณ์ เป็นการซื้อขายโดยวิธีการผ่อนส่งตามสัญญา ซึ่งโดยปกติจะประมาณ 3 – 5 ปี ผู้ผลิตอุปกรณ์หรือผู้จัดหามักขยายสินเชื่อตามเงื่อนไขสัญญาการขาย ธุรกิจขนาดย่อมจำนวนหนึ่งจะใช้วิธีเช่าอุปกรณ์แทนการยืมเงินจากผู้ขายปัจจัยการผลิตเพื่อซื่ออุปกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ประเภทคอมพิวเตอร์ เครื่องอัดรูป และเครื่องแฟกซ์ การเช่าซื้อจะมีช่วงเวลา 36-60 เดือน และครอบคลุมต้นทุนของสินทรัพย์ที่เช่าเต็ม 100% โดยมีดอกเบี้ยคงที่รวมอยู่ในค่าเช่าด้วย อย่างไรก็ตามผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และเครื่องจักรอุตสาหกรรมอาจทำงานร่วมกับธนาคารหรือบริษัทเงินทุน โดยทั่วไปมักยอมรับการเช่าเป็นชุดตามความต้องการของลูกค้า...อ่านภายในเอกสารต่อคะ
ดาวน์โหลด : แหล่งการเงินอื่นๆ สำหรับธุรกิจ SMEs