วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

งบกระแสเงินสด

งบกระแสเงินสด


เรียบเรียงโดย ผศ.กิตติภูมิ มีประดิษฐ์



งบกระแสเงินสด

งบกระแสเงินสด (Cash flow statement) เป็นรายงานการเงินซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงเงินสดของธุรกิจ (แหล่งที่รับมาของเงินสดรับและแหล่งที่ใช้ไปของเงินสดจ่ายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง) รูปแบบของกิจกรรมจากระแสเงินสด (Types of cash flow activities) ประกอบด้วย 1) กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 2) กระแสเงินสดจากการลงทุนของธุรกิจ 3) กระแสเงินสดจากรายการค้า เช่น การออกหุ้น การขอยืมเงิน หรือการจ่ายชำระหนี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Cash folws from operations) เป็นกระแสเงินสดจากการรวบรวมเงินจากลูกค้า และการจ่ายเงินซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน ดอกเบี้ยและภาษี

เงินสดจ่ายในการดำเนินงาน (Other operating cash outfolows) ในการคำนวณเงินสดจ่ายที่แท้จริงเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและดอกเบี้ยจ่ายที่แสดงในงบกำไรขาดทุน เป็นค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นเงินสดจ่ายโดยไม่รวมค่าเสื่อมราคา เราจะปรับการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทีเพิ่มขึ้น และชี้ว่าค่าใช้จ่ายนั้นยังไม่ได้จ่ายจริง แต่เป็นหนี้สินที่ค้างจ่าย

การจ่ายเงินภาษีเงินสด (Cash tax paymetns) ค่าภาษีที่แสดงในงบกำไรขาดทุน โดยทั่วไปไม่ได้จ่ายทันทีในขณะที่ค่าภาษีเกิดขึ้นภาษีในงบกำไตขาดทุนเป็นรายงาน แต่บริษัทจะต้องนำไปจ่ายเงิน การจ่ายเงินเท่ากับจำนวนภาษีที่รายงานในงบกำไรขาดทุน หัก (บวก) เพิ่ม (ลด) ในภาษีค้างจ่าย (Accrued taxes) หรือภาษีค้างรับ (Deferred taxes) ในงบดุลจากงบกำไรขาดทุน

สรุปกระแสเงินสด (Summary of cash flows) จากการพิจารณากระแสเงินสด 3 ประเภท คือ 1) กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Cash flows from operations) 2) กระแสเงินสดจากกิจกรราการลงทุน (Cash flows from investment activities) 3) กระแสเงินสดจากกิจกรรมการเงิน (Cash flows from financing activities) เราจะสามารถสรุปได้ดังนี้

การวัดกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

ที่ใช้วัดกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมี 2 วิธี ดังนี้

1. วิธีการทางตรง (Direct method) เป็นการวัดกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดยเริ่มต้นที่ส่วนบนของงบกำไรขาดทุน ซึ่งเริ่มต้นด้วยกระแสเงินสดที่รวบรวมจากลูกคว้า แล้วลบผลต่างลบด้วยเงินสดจ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานปกติของธุรกิจ เช่น เงินที่จ่ายให้ผู้ขายสินค้าและเงินเดือนพนักงาน

2. วิธีการทางอ้อม (Indirect method) เป็นการวัดกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดยเริ่มต้นที่ส่วนล่างของงบกำไรขาดทุน ซึ่งจะให้คำตอบเท่ากันกับวิธีการทางตรง ซึ่งจะเห็นว่าวิธีการทางอ้อมเริ่มต้นด้วยรายได้สุทธิ แล้วพวกค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เป็นผลในเงินสดจ่ายในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ค่าเสื่อมราคา การปรับการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของธุรกิจ ดังนั้นทั้ง 2 วิธีจะได้รับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแตกต่างจากการเริ่มต้นที่ส่วนบน (วิธีการทางตรง) หรือส่วนล่าง ของงบกำไรขาดทุน ซึ่งทั้ง 2 วิธี จะเปลี่ยนแปลงงบรายได้สุทธิเป็นงบกระแสเงินสด

กระแสเงินสดและกำไร (Cash flows and profits) แนวคิดเกี่ยวกับการวัดกระแสเงินสด เป็นความเชื่อที่แพร่หลายที่ว่ารายได้บวกค่าเสื่อมราคา เป็นการวัดที่มีเหตุผลของกระแสเงินสดของบริษัท ตัวอย่าง กำไรสุทธิหลังจากหักภาษีของบริษัท 62,310 บาท และบวกด้วยค่าเสื่อมราคา 28,200 บาท รวมเป็น 90,510 บาท
ตามความคิดแบบดั้งเดิมอาจจะใช้จำนวนนี้เพื่อพยากรณ์กระแสเงินสดของธุรกิจ แต่จากงบกระแสเงินสดจะพบว่ากระแสเงินสดสุทธิมีเพียง 5,000 บาทเท่านั้น ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าวิธีการหากระแสเงินสดจะมีความสับสนมากกว่าวิธีการใช้รายได้ บวกด้วยค่าเสื่อมราคา (Back depreciation) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์เป็นผลจากความเจริญเติบโต จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณากระแสเงินสดของธุรกิจเช่นเดียวกับกำไร และในบางครั้งมีความสำคัญมากกว่า ดังนั้นเจ้าของกิจการขนาดย่อมจะต้องคำนึงถึงทั้งกำไรและกระแสเงินสด

สรุปประเด็น


  • รูปแบบของกิจกรรมจากกระแสเงินสด
  • กระแสเงินสดจากการดำเนินการ
  • กระแสเงินสดจากการลงทุนของธุรกิจ
  • กระแสเงินสดจากรายการค้า
  • การวัดกระแสเงินสดจากการดำเนินงานทั้งทางตรงและทางอ้อม
  • กระแสเงินสดและกำไร
  • กรณีศึกษา ตัวอย่าง
  • แสดงงบกระแสเงินสด
    ...อ่านภายในเอกสารต่อคะ

      ดาวน์โหลด : งบกระแสเงินสด