วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เฉาก๊วยชากังราว

เฉาก๊วยชากังราว

คำนำ
การรับราชการ แม้จะเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง แต่สิ่งที่ทุกคนประจักษ์ชัดก็คืออาชีพนี้ เงินเดือนน้อย รายรับและรายจ่ายในครอบครัวแต่ละเดือนเกือบจะพอๆ กัน เราจึงมัก ได้ยินข่าวเกี่ยวกับการสร้างสรรค์อาชีพเสริมของข้าราชการเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง และครอบครัว และก็มีหลายรายที่ประสบความสำเร็จ จนสามารถยกระดับอาชีพเสริมนั้นมาเป็นอาชีพ หลักของตนเอง สุดท้ายข้าราชการหลายรายก็เลือกที่จะลาออกจากการเป็นข้าราชการ เพื่อหันมาทำอาชีพ เสริมให้เป็นธุรกิจของตนเองอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับเรื่องราวของ คุณเสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ข้าราชการกศน. จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่ง ณ วันนี้ เขาเลือกที่จะเป็นผู้ประกอบการ เฉาก๊วยชากังราว

ความเป็นมา
ความไม่หยุดนิ่ง คือจุดเริ่มต้น


ความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่ปรารถนาให้สมาชิกในครอบครัวมีความสุข ทำให้ คุณเสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ข้าราชการกศน.จังหวัดกำแพงเพชร เลือกที่จะทำงานหลายอย่าง นอกเหนือ จากการรับราชการ ทั้งขายเฟอร์นิเจอร์ ขายบ้านเรือนเก่า ขายข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู เรียกว่าอะไรที่ทำได้ ทำแล้วไม่ผิดกฏหมาย ทำแล้วมีรายได้ เขาทำทุกอย่าง "ก่อนหน้าที่จะทำเฉาก๊วยชากังราวก็มาเปิดร้านขายข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ซึ่งขายดีมาก แต่ก็เหนื่อยมาก เพราะตี 4 ต้องตื่นแล้ว เพื่อเตรียมของให้ลูกน้องขาย ขายดีแต่เงินไม่ค่อยเหลือเพราะเราไม่ได้ควบคุมการขายเอง เราเตรียม ลูกน้องขาย ช่วงเที่ยงและเสาร์อาทิตย์เท่านั้นที่เราจะมาช่วยได้ ทำได้ประมาณ 1 ปีก็เลิก"

ทำเฉาก๊วยขาย เหตุจากความบังเอิญ

คุณเสริมวุฒิเคยให้ลูกชายซึ่งเรียนจบปวส.ไปทำงานกับคนทำเฉาก๊วย แต่ทำได้ไม่นานลูกชายก็ เลิกทำ วันหนึ่งคุณเสริมวุฒิให้ลูกชายลองทำเฉาก๊วยให้ทานเพราะอยากรู้ว่าลูกไปเรียนรู้อะไรมาบ้าง ปรากฏว่าลูกชายทำเฉาก๊ยได้ แต่ยังไม่ดี
ครั้งหนึ่งกศน.กำแพงเพชร หน่วยงานที่คุณเสริมวุฒิทำงานอยู่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานศิลปะหัตถกรรมที่จังหวัดลำพูน คุณเสริมวุฒิจึงบอกเพื่อนร่วมงานว่าตนจะนำเฉาก๊วยไปเคี่ยวขาย เพราะก่อนหน้านี้ คุณเสริมวุฒิได้ไปซื้อเฉาก๊วย 1 กล่องใหญ่มาจากแถวทรงวาด คุณเสริมวุฒินำเฉาก๊วยไปเคี่ยว และสาธิต การทำเฉาก๊วยตามสูตรที่ลูกชายไปเรียนรู้มาชายในงาน คนที่ได้กินเฉาก๊วยของเขาบอกว่าเฉาก๊วยที่เขากวนขาย สดๆใหม่ๆ ในงานนั้นอร่อยกว่าเฉาก๊วยตามท้องตลาดเสียอีก แม้เขาจะรู้สึกดีใจกับเสียงชมเหล่านั้น แต่เขากลับยังไม่รู้สึกประทับใจกับรสชาติของเฉาก๊วยที่ทำขึ้น

เดินหน้าหาเหตุผล จนได้สูตรมาตรฐาน

ความสำเร็จจากการไปออกงานครั้งแรกเพียง 2-3 วันเฉาก๊วยที่ทดลองกวนขายนั้นสามารถสร้างรายได้ให้เขากว่า 8000 บาท เขาบอกกับตัวเองว่าดวงของเขาน่าจะถูกโฉลกกับเฉาก๊วย วันหนึ่งมีพี่ที่รู้จักกันซึ่งเคยกินเฉาก๊วยของเขาแล้วบอกว่า อร่อยใช้ได้ ได้นำบทความหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเฉาก๊วยโดยตรงมาให้ ตอนหนึ่งของบทความเป็นเรื่อง เกี่ยวกับการทำเฉาก๊วย เขาจึงลองนำความรู้นั้นมาประยุกต์เข้ากับการทำเฉาก๊วยที่ทำอยู่ และก็ค้นพบว่า นี่หละรสชาติเฉาก๊วยที่เขาต้องการ

"ผมดีใจมากที่ค้นพบรสชาติเฉาก๊วยในแบบที่ผมต้องการ ก็เลยค่อยๆ เริ่มทำใหม่ และจดบันทึกขั้นตอนต่างๆ ไว้จนได้สูตรเฉาก๊วย ของเรา ว่าจะต้องใช้น้ำเท่าไร ใช้เฉาก๊วยเท่าไร ใช้เวลานานเท่าไร ซึ่งสูตรนั้นเป็นสูตรเดียวกับที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้"

การค้นพบครั้งนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ในชีวิตของเขา แม้เขาจะยังรับราชการไปพร้อมๆ กับการทำเฉาก๊วยชาย แต่ราวปลายปี 2544 เขาก็มาจุดที่ต้องเลือกว่าจะรับราชการ หรือจะทำเฉาก๊วยชายเพราะไม่อยากให้เสียทั้งสองงาน ซึ่งขณะนั้นรายได้จากการขายเฉาก๊วยเดือนนึง รวมกันมากกว่ารายได้จากการรับราชการเสียอีก สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อมาทำธุรกิจ เฉาก๊วยชากังราว ของตนเองอย่างเต็มตัว

การปฏิบัติที่ดี
เรียนรู้ปัญหาจากสาเหตุ


คุณเสริมวุฒิทำงานด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจกับคู่ค้าทุกคน แต่เขาก็พบว่าบ่อยครั้งคู่ค้าทำธุรกิจกับเขาโดยปราศจากความซื่อสัตย์ ครั้งหนึ่งมีีพ่อค้าเชื้อสายเวียดนามมาติดต่อขายเฉาก๊วยให้ เขาจึงนำตัวอย่างเฉาก๊วยจากพ่อค้าคนนั้นมาทดลองทำ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงสั่งพ่อค้าคนนั้นให้นำเฉาก๊วยมาส่งให้ 1 ตัว มูลค่าสินค้ากว่า 100000 บาท พอนำมาใช้จริงปรากฏว่าเฉาก๊วยให้ยางดีมาก แต่ยางไม่เหนียว กวนแล้วเฉาก๊วยเละ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คุณเสริมวุฒิเครียดไปหลายวัน เมื่อสอบถามกลับไปยังพ่อค้า บอกว่า เฉาก๊วยที่ส่งมาให้เป็นคนละเกรดกับที่ส่งไปให้ทดลองในครั้งแรก...อ่านต่อภายในเอกสารคะ


   ดาวน์โหลด : กรณีศึกษา เฉาก๊วยชากังราว