เถ้าแก่น้อย เปิดตำนานอาณาจักรสาหร่ายสายพันธุ์ไทย
เมื่อเอ่ยถึงสาหร่ายญี่ปุ่นทอดกรอบภายใต้ชื่อ เถ้าแก่น้อย เชื่อว่าในแวดวงเอสเอ็มอี
และสาวกสแน็คไทยคงรู้จักกันดี หากย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อนได้เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดากับ
ยอดการส่งออกสาหร่ายญี่ปุ่นทอดกรอบ เถ้าแก่น้อย ที่พุ่งกระจายไปทั่วภูมิภาคเอเชีย
ช่วงชิงเค้กก้อนใหญ่ของตลาดสแน็คสูงถึง 70% ส่งผลให้ เถ้าแก่น้อย แบรนด์ไทยขึ้นแท่น
เบอร์หนึ่งของสแน็คสาหร่ายไปโดยปริยาย นับเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจของ
อิทธิพันธ์ กุลพงษ์วณิชย์ นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่ก่อร่างสร้างอาณาจักรธุรกิจขนาดเล็ก
ของตัวเอง จนปัจจุบัน เถ้าแก่น้อย กลายเป็นธุรกิจสแน็คไทยที่ส่งออก 10 ประเทศ หลังจาก
เปิดตัวผลิตภัณฑ์เพียงแค่ 9 เดือนเศษเท่านั้น
|
เปิดใจซีอีโอรุ่นใหม่ หัวใจบิ๊ก
อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ได้ย้อนเรื่องราวก่อนที่จะก้าวมานั่งเก้าอี้ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ให้ฟังว่า ตนเองเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลกุลพงษ์วณิชย์ มีพี่ชายหนึ่งคนและพี่สาวอีกหนึ่งคน ชีวิตในวัยเด็กก็ไม่ได้แตกต่างกับเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันนัก ชอบเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ออนไลน์เป็นประจำ วันหนึ่งในระหว่างที่เล่นเกมส์อยู่นั้น เขาได้พบกับเจ้าของเว็บ เซอร์เวอร์โดยบังเอิญ และได้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงรูปแบบเกมส์ จากจุดนี้เองที่ทำให้เจ้าของ เว็บเซอร์เวอร์สนใจและติดต่อเข้าร่วมงาน โดยให้เสนอไอเดียแปลกใหม่ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุง รูปแบบเกมส์ โดยให้ค่าแรงเดือนละประมาณ 1000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 40000-50000 บาท
"ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 เกมส์ออนไลน์เริ่มเสื่อมความนิยมลง ทางเจ้าของเกมส์เขาจำเป็นต้องลดการจ้าง พนักงาน ผมก็ต้องมองหาธุรกิจอย่างอื่นทำแทน จึงเริ่มมองธุรกิจที่คิดว่าน่าจะขายได้เรื่อยๆ สุดท้ายมาลงเอย ที่ธุรกิจร้านอาหาร ตอนนั้นผมไปเดินในงานแสดงสินค้าที่เมืองทองธานี ไปพบกับเครื่องคั่วเกาลัดก็เลยสนใจ เพราะเป็น คนชอบทานเกาลัดอยู่แล้ว และคิดว่าถ้าขายน่าจะมีกำไรดี เพราะในบ้านเรายังใช้คนคั่วอยู่เลย"
การก้าวเดินเข้าสู่วังวนแห่งโลกธุรกิจด้วยวัยเพียง 18 ปี ทำให้อิทธิพันธ์ต้องเรียนรู้และฝึกฝนประสบการณ์ เพื่อก้าวเดินอย่างมั่นคง เขาต้องเผชิญกับบททดสอบต่างๆ มากมายบนเส้นทางสายธุรกิจ และบททดสอบแรกสอนให้เขาได้รู้ว่า การเลือกทำเลที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร
"เดือนแรกผมขายเกาลัดขาดทุนทุกวัน แต่ก็สู้ต่อจนเปิดสาขาใหม่อีกสาขาหนึ่ง ผมขายขาดทุนหนักกว่าเดิม จนเริ่มรู้สึกท้อและคิดว่าจะเลิกทำต่อแล้ว พอดีห้างโลตัสติดต่อเข้ามา บอกให้ลองไปดูทำเลก่อน ตอนนั้นเริ่มคิดว่า เพราะเราอยู่ในทำเลที่ไม่เหมาะสมจึงทำให้ขายไม่ดี ผมก็เลยเริ่มไปหาหนังสือเกี่ยวกับทำเลที่ตั้งตามหลักฮวงจุ้ยมาศึกษา และก็ได้รับคำตอบว่าทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุดควรจะอยู่ทางด้านซ้ายของประตูทางออกเสมอ"
การปฏิบัตที่ดี
ต่อยอด เพิ่มมูลค่า พัฒนาผลิตภัณฑ์
หลังจากที่ได้ศึกษาข้อมูลการทำธุรกิจอย่างจริงจับ อิทธิพัทธ์จึงเริ่มต้นใหม่ในบทบาทนักธุรกิจอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาสามารถก้าวผ่าน บันไดความสำเร็จขั้นแรกจากยอดขายเกาลัดด้วยเม็ดเงิน 5000 บาทในวันแรกที่เปิดดำเนินการ และยังสามารถแตกสาขาออกไปถึง 20 สาขา ภายในเวลา 1 ปี เมื่อกิจการเริ่มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เขาจึงตัดสินใจพักการเรียนไว้ เพื่อมาดูแลกิจการด้วยตนเอง จนกระทั่งกิจการก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 เขาสามารถขยายสาขารวมไม่ต่ำกว่า 30 สาขา จากความได้เปรียบของการมีหน้าร้าน ทำให้ซีอีโอหนุ่มคิดต่อยอดธุรกิจด้วยการนำผลิตภัณฑ์ที่มี คอนเซ็ปต์ใกล้เคียงกันมาวางจำหน่าย เพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่ลูกค้าเช่น ลูกพลับแห้ง ลำไยอบแห้ง และสาหร่ายทอดกรอบ ซึ่งได้รับการตอบรับ จากลูกค้าเป็นอย่างดี
"ผมเห็นว่า มันมีอนาคต จึงเริ่มคิดที่จะพัฒนาต่อยอดออกไป โดยเริ่มนำสินค้าตัวอย่างไปเสนอขายให้กับร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่คิดว่าเหมาะสมกับสินค้า แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเขาบอกกลับมาว่า สินค้ายังต้องพัฒนาอีกหลายด้าน" อ่านภายในเอกสารต่อคะ
ดาวน์โหลด : กรณีศึกษา เถ้าแก่น้อย เปิดตำนานอาณาจักรสาหร่ายสายพันธุ์ไทย